ในปัจจุบันพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนที่ได้รับความนิยมและสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ประกอบการทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม หลายองค์กรจึงเลือกติดตั้งระบบ “โซลาร์รูฟท็อป” (Solar Rooftop) หรือระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เพราะนอกจากจะเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการดำเนินงานซึ่งมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิต และสอดคล้องกับเทรนด์การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจให้ดี เพื่อให้ระบบโซลาร์รูฟท็อปสามารถใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่าที่สุดและอยู่ได้นานที่สุด
โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) คืออะไร
ระบบโซลาร์รูฟท็อป หรือการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา คือการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคารที่เราต้องการใช้พลังงาน หรือหากหลังคาอาคารมีพื้นที่ไม่เพียงพอก็สามารถติดตั้งบนหลังคาลานจอดรถที่มีพื้นที่โล่งกว้างได้ โดยแผงโซลาร์เซลล์จะรับพลังงานแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง แล้วส่งต่อไปยังตัวแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้งานกับเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในอาคาร
เตรียมให้พร้อมเพื่อแผนการลงทุน
ก่อนจะหารายละเอียดแผงโซลาร์เซลล์หรือคิดว่าบ้านเราจะต้องติดตั้งกี่แผง เพราะสิ่งที่ต้องทำอันดับหนึ่งคือต้องคำนวนว่าบ้านเราใช้ไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด ด้วยการดูบิลค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 3 เดือน ถึง 1 ปี เพราะพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเราจะเป็นเหมือนแนวทางให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า เราจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังผลิตเท่าไร รวมทั้งสำรวจปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ลองดูว่าปริมาณที่เราใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน เอามาเปรียบเทียบกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน เราจะได้เห็นว่าถ้าเราจะสามารถลดค่าไฟฟ้าช่วงกลางวันไปได้เท่าไรหากติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพราะจะช่วยให้ทราบว่าอาคารที่ต้องการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป มีพื้นที่เพียงพอเหมาะสมหรือไม่ เช่น การตรวจสอบประเภทของหลังคาอาคาร ขนาด และความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคา นอกจากนี้อีกสิ่งที่สำคัญคือเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องยื่นเพื่อขออนุญาตติดตั้งระบบโซลาร์ รูฟท็อป เช่น ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร แบบแปลนโครงสร้างอาคาร รายการคำนวณโครงสร้างอาคาร เป็นต้น
หมดปัญหากวนใจ เมื่อติดตั้งกับผู้เชี่ยวชาญ
การติดตั้งระบบ โซลาร์ รูฟท็อป ไม่ใช่เพียงนำแผงโซลาร์เซลล์ไปวางไว้บนหลังคาอาคารแล้วจะใช้ไฟฟ้าได้ทันที แต่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้ง ดังนั้นการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป แต่ละครั้งจึงต้องมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแล ตั้งแต่ขั้นตอนสำรวจ ประเมิน ไปจนถึงการออกแบบ และวางระบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง การดูแลติดตั้งวงจรไฟฟ้าของโซลาร์ รูฟท็อปให้เข้ากับวงจรไฟฟ้าของตัวอาคาร การวางระบบกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง การเลือกชนิดของแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะกับการใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ประกอบการ
ดังนั้น การเลือกผู้ให้บริการด้านการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป จึงควรเลือกผู้ให้บริการที่มีบริการครบพร้อมมีวัสดุอุปกรณ์ครบครัน ที่สำคัญคือมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และปลอดภัยที่สุด ลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือบริการหลังการขาย โดยปกติอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์จะยาวนานถึง 25 ปี แต่ในช่วงระยะเวลานั้นการดูแลรักษาตัวแผงโซลาร์เซลล์อย่างสม่ำเสมอ และคอยตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบโซลาร์รูฟท็อปก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการเลือกผู้ให้บริการด้านการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่สามารถดูแลหลังการติดตั้งได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็วจนครบอายุการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมรับแจ้งปัญหาด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง การมีวิศวกรคอยตรวจสอบการทำงานของระบบอยู่เสมอ เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในระยะยาว
ที่มา: https://www.greenpeace.org